ผมสังเกตว่าคนไทยที่ยังไม่แน่นภาษาอังกฤษเวลาต้องตั้งประโยคคำถามมักจะเรียบเรียงประโยคผิด เหตุก็ด้วยโครงสร้างประโยคคำถามในภาษาไทยและภาษาอังกฤษไม่เหมือนกัน สำหรับคนที่ยังมีปัญหานี้อยู่ ให้ลองศึกษาเทคนี้เหล่านี้ดู คุณอาจจะพบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่เรียนกันมา
ก่อนอื่น เราต้องรู้ก่อนว่าประโยคคำถามมีกี่แบบ อะไรบ้าง
ประโยคคำถามสามารถแยกออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
1. ประโยคที่ต้องตอบว่าใช่หรือไม่
2. ประโยคที่ต้องตอบอธิบาย
สำหรับคนที่ยังพื้นฐานไม่แน่น ความเห็นของผมคือต้องสร้างประโยคคำถามจากประโยคบอกเล่าก่อน
เพราะฉะนั้น เรามาดูประเภทของประโยคบอกเล่าในภาษาอังกฤษกัน
1. ประโยคบอกเล่าที่คำกริยาตามหลังประธาน
คำกริยาในที่นี้คือคำกริยาตามแบบฉบับในภาษาไทย เป็นคำที่สื่อถึงการกระทำของประธาน เช่น วิ่ง นั่ง นอน เดิน กิน ทำงาน ส่วนพวกคำกริยาช่วยทั้งหลาย (Auxilirary Verb) นั้นไม่รวมอยู่ในข้อนี้ เช่น should (ควร) can (สามารถ) may (อาจจะ) หรือแม้แต่ do, does, did ที่ไม่ได้มีความหมายว่า "ทำ" แต่มีไว้เพื่อช่วยให้ประโยคครบองค์ประกอบ เช่น They do not want to work. ในประโยคนี้ do จัดว่าเป็นกริยาช่วย และไม่รวมอยู่ในข้อนี้ (เพราะไม่ได้มีความหมายว่า "ทำ" แต่ช่วยให้ประโยคมีแกรมม่าที่ถูกต้อง)
2. ประโยคบอกเล่าที่คำที่ไม่ใช่คำกริยาตามหลังประธาน
คือประโยคที่ใช้กริยาช่วย (Auxilirary Verb) เช่น He is driving a car. เขากำลังขับรถ ในประโยคนี้มีคำว่า driving ซึ่งเป็นคำกริยาก็จริง แต่ว่ามีคำว่า is ซึ่งเป็นคำกริยาช่วยอยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้นจึงจัดอยู่ในข้อสอง
คราวนี้ เรามาดูวิธีการสร้างประโยคคำถามที่ต้องตอบใช่หรือไม่ จาก ประโยคบอกเล่าที่คำกริยาตามหลังประธาน กัน
หลักการ
1. ดูก่อนว่าประโยคอยู่ใน tense ปัจจุบันหรืออดีตNOTE: base form ของ verb คือ verb ที่อยู่ในรูปแบบที่ง่ายที่สุด เช่น base form ของ has/had คือ have ส่วน base form ของ does/did คือ do หรือ base form ของ works/worked คือ work
2. ถ้าเป็น tense ปัจจุบันให้ดูว่าประธานเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ / ถ้าเป็น tense อดีต ไม่จำเป็นต้องสนใจประธาน
3. ถ้าเป็น tense ปัจจุบันและประธานเป็นพหูพจน์ ให้เติม do ไว้ข้างหน้าประโยค / ถ้าเป็น tense ปัจจุบันและประธานเป็นเอกพจน์ ให้เติม does ไว้ข้างหน้าประโยค จากนั้นเปลี่ยน verb ที่ตามหลังประธานให้เป็น base form ของมัน / ถ้าเป็น tense อดีตให้เติม did ไว้ข้างหน้าประโยค จากนั้นเปลี่ยน verb ที่ตามหลังประธานให้เป็น base form ของมัน
4. เติมเครื่องหมายคำถามไว้ข้างหลังประโยค เป็นอันเสร็จสิ้น
ตัวอย่าง
1. Eleanor has three books with her. เอเลนอมีหนังสือติดตัวอยู่ 3 เล่ม
1. ประโยคนี้เป็น tense ปัจจุบัน
2. ประธานเป็นเอกพจน์
3. ประธานเป็นเอกพจน์จึงต้องเติม does ไว้ข้างหน้าเป็น Does Eleanor has three books with her.
4. เปลี่ยน verb ให้เป็น base form ในที่นี้เปลี่ยนจาก has เป็น have ได้เป็น Does Eleanor have three books with her.
5. เติมเครื่องหมายคำถาม Does Eleanor have three books with her? เอเลนอมีหนังสือติดตัว 3 เล่มใช่มั้ย/รึเปล่า
2. You visited your mother last weekend. คุณไปเยี่ยมแม่มาเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว
1. tense อดีต
2. ไม่สนใจประธาน
3. Did you visited your mother last weekend.
4. Did you visit your mother last weekend.
5. Did you visit your mother last weekend? คุณไปเยี่ยมแม่มาเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วใช่มั้ย/รึเปล่า
3. Chldren want to eat ice cream. เด็กๆอยากกินไอติม
1. tense ปัจจุบัน
2. ประธานพหูพจน์
3. Do children want to eat ice cream.
4. Do chldren want to eat ice cream. (want คือ base form อยู่แล้ว)
5. Do children want to eat ice cream?
สำหรับในตอนหน้า เราจะมาดูการตั้งประโยคคำถามที่ต้องตอบใช่หรือไม่ จาก ประโยคบอกเล่าที่ไม่ใช่คำกริยาที่ตามหลังประธาน กัน
“Questioned Proposal” is copyright (c) by Ethan Lofton and made available under an Attribution 2.0 License
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น